ชีวิตของคนเรามีสองด้านเสมอ มีสุข มีทุกข์ มีสมหวังและผิดหวัง มีได้มาก็ต้องเสียไปนั่นคือ ชีวิต แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำไห้ชีวิตมีพลังและเคลื่อนไหวไปข้างหน้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายและความหวังสิ่งนั้น คือ ความรัก
เชื่อได้แน่นอนว่าทุกคนเมื่อรักใครแล้ว ก็จะคาดหวังให้เขารักเราตอบในปริมาณที่เท่าๆกัน โดยลืมไปว่า ไม่มีเครื่องมือหรือมิเตอร์ไหนที่จะมาวัดปริมาณความรักได้ ดังนั้น จะบอกว่าความรักของเราไม่เท่ากันก็คงไม่ได้ คนแต่ละคนเติบโตมาในสภาวะแวดล้อมที่ต่างกัน อุปนิสัย การดำเนินชีวิต ความอดทน ความกดดัน ย่อมต่างกัน คำว่ารักของคนๆหนึ่งอาจไม่เท่ากับคำว่ารักของอีกคนหนึ่ง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คำจำกัดความของคำว่ารักของคนเราล้วนต่างกัน คนบางคน การได้เจอกันทุกวัน ได้คุยกันทุกวันนั่นคือ รัก แต่คนบางคน การได้จับมือ เดินไปไหนมาไหนด้วยกันทุกๆที่ นั่นคือ รัก ในขณะที่คนบางคน มีแค่ความคิดถึง และความเชื่อใจกัน โดยที่ไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นั่นคือ รักเมื่อเราคาดหวังแล้วมันไม่เป็นดังหวังก็จะคิดไปเองว่าเขาไม่รัก ซึ่งแท้จริงแล้วอาจไม่ใช่ เขาอาจจะรัก แต่เขาอาจจะแสดงออกตามแบบของเขาก็ได้ แต่ไม่ว่าจะรักแบบไหน ความรักล้วนเกิดจากพื้นฐานของความเข้าใจ เชื่อใจ และห่วงใยซึ่งกันและกัน ไม่อย่างนั้นคงเรียกว่ารักไม่ได้
เมื่อไหร่ที่ความเข้าใจกันหายไปก็จะพาลให้ความเชื่อใจ และห่วงใยหายตามไปด้วย สิ่งหนึ่งที่ทำได้เวลาไม่เข้าใจกัน คือการหันหน้าคุยกัน ด้วยคำพูดดีๆ ปรับความเข้าใจกัน สิ่งสำคัญก็คือ อย่าคิดว่าแค่การแสดงออกหรือการกระทำก็เพียงพอแล้วในการรักใครสักคน ไม่ต้องพูดอะไรก็เขาก็คงเข้าใจ จิตใจคนเรานั้นอ่อนแอ คำพูด จะทำให้รู้สึกเชื่อมั่น การกระทำ จะทำให้รู้สึกเชื่อใจ หากเมื่อไหร่ที่สิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังหากการคุยกันดีๆแล้วยังไม่เป็นผลไห้มองหน้าเขาให้ดีๆ แล้วถามใจตัวเองว่า คนๆนี้คือคนที่เรารักจริงๆไหม ถ้าหากว่าคำตอบคือใช่ คำถามต่อไปก็คือ เราทำใจ เข้าใจเขา และลดความคาดหวังในตัวเขาลงได้ไหม แล้วคำตอบจะปรากฏขึ้นในใจของเราเอง ที่เหลือก็คือ เราจะยอมรับมันได้หรือเปล่าก็เท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย ในการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้รักใครสักคน การเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับเรา เพราะว่าเรารักเขา จึงอยากให้เขามีความสุขเมื่ออยู่ใกล้ๆเรา จึงอยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรๆให้มันดีขึ้น
นอกจากนี้คนเราถูกสร้างขึ้นมาพร้อม ข้อดี และข้อเสีย เมื่อเรารักใคร หากว่ามองเห็นแต่ด้านที่ดีของเขาให้บอกกับตัวเองได้เลยว่า เรายังไม่รู้จักเขาดีพอ หรือไม่ก็เรากำลังตาบอดเพราะความรัก จงจำไว้เลยว่า การที่คนเราจะอยู่ด้วยกันตลอกไปนั้น ต้องชื่นชมในข้อดี และเข้าใจในข้อเสียของกันและกันในเส้นทางของชีวิตถ้าแค่เราคนเดียว จะเดิน จะวิ่ง เร็วเท่าไหร่ ช้าเท่าไหร่ จะล้มยังไง ก็คงไม่เป็นไรเพราะมีแค่เราคนเดียวที่เจ็บ แต่เมื่อวันใดที่เราตัดสินใจจะเดินร่วมทางกับใครสักคนก็เหมือนกับการเดินสามขา จะก้าวยังไง เดินเร็วเท่าไหร่ ก็ต้องก้าวไปด้วยกัน เมื่อล้มก็จะไม่ใช่เราคนเดียวที่เจ็บจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ปรับเปลี่ยนบางสิ่งเข้าหากัน เพื่อหาจังหวะในการเดินที่พอดีของทั้งสองฝ่าย ไม่เร็วเกินไป ไม่ช้าเกินไปเพื่อจะได้เดินไปด้วยกันได้ไม่ว่าจะเจออุปสรรคแบบไหนก็ตาม บางครั้ง การเดินไปคนเดียว อาจมีความสุขกับอิสระของชีวิตที่เราเลือกเองได้ จะเดินไปไหนก็ได้ จะวิ่งก็ได้ เหนื่อยนักจะพักก็ได้ แต่คงจะดีกว่าไม่น้อยถ้ามีใครสักคนร่วมเดินคุยไปด้วยกันตามทางเดินชีวิตที่ยังไม่รู้จุดจบนี้ ร่วมหัวเราะไปด้วยกัน ช่วยเช็ดน้ำตาของกันและกัน เสียงหัวเราะที่มีก็จะดังมากขึ้น น้ำตาที่ไหลมาก็จะเหือดแห้งเร็วขึ้น แล้วเราก็จะพบว่าชีวิตเรามีค่ามากขึ้น เพราะตัวเราเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้อีกต่อไป
มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่คนเราจะรักใครสักคนอย่างหมดหัวใจ ถ้าวันหนึ่งคุณได้รู้จักความรักที่แท้จริง ก็จงรู้คุณค่าและรักษาความรักนี้ไว้ไห้ดีที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น